วันพุธที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2560

idiom

ก่อนอื่นมาดูก่อนว่า Idiom คืออะไร แล้วทำไมเราถึงจะต้องเรียนรู้มันด้วย เอาละ Idiom คือ สำนวน ซึ่งหมายถึง คำหรือศัพท์ที่ไม่ได้มีความหมายตรงตัวของมันนั่นเองแหละคะ เช่นถ้าของไทยก็อย่าง “ได้ทีขี่แพะไล่” ซึ่งความหมายจริงๆ เราไม่ได้ไปขี่แพะไล่ใคร ทีนี้สำนวนในภาษาอังกฤษมีมากมายหลายประโยคอยู่ ทั้งที่คุ้นหูเพราะใช้กันเยอะ และทั้งที่ไม่คุ้นหู ใช้กันเยอะ แต่ในชีวิตเราไม่เคยได้ยิน อิอิ
แล้วทำไมเราต้องเรียนความหมายมันด้วยละ เอ่อ นั้นนะซิคะ งั้นแค่นี้นะ !! ไม่ช่าย เราต้องรู้ความหมายมันซิคะ ไม่งั้นเราก็จะคุยหรือแหลงกะฝรั่งไม่รู้เรื่อง อย่างเช่น so far แปลแบบไม่รู้เรื่องว่ามันคือ Idiom ก็กลายเป็นว่า ไกลมาก 555 go so big กันเลยละคะ (go so big เป็นสำนวนที่คนไทยคุยกันเล่นๆนะค่ะ ไม่ใช่ของฝรั่งนะคะ ถ้าฝรั่ง ไปกันใหญ่ = Out of hand) เพราะจริงๆแล้ว so far เป็น Idiom นะค่ะ แปลได้ดังนี้ 1. Up to the present moment จนถึงทุกวันนี้ จนกระทั่งปัจจุบัน, จนเดี๋ยวนี้ 2. To a limited extent เพียงแค่นี้, เพียงเท่านี้
พี่จะทยอยๆหา Idiom มาลงให้น้องได้เรียนรู้กันนะคะ ซึ่งจะให้รู้ทั้งความหมายที่เป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ถ้าอันไหนเหมือนกับสำนวนไทยก็จะยกมาเทียบให้กันเป็นความรู้เพิ่มเติมนะจ๊ะ อ่านเพิมเติม

future simple

หลักการใช้  Future Simple Tense (Tense อนาคตธรรมดา)  เป็นอีกหนึ่ง Tense ที่ค่อนข้างง่ายไม่ยุ่งยากเท่าไหร่
Future Simple Tense
Future  ฟิวเชอะ= อนาคต
Simple  ซิมเพิล = ธรรมดา
ที่บอกว่า “อนาคตธรรมดา” หมายถึง ในช่วงเวลาหนึ่งของอนาคต จะมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น (เช่น ฉันจะทำอะไรบางอย่าง ในเวลานั้น เป็นต้น)

โครงสร้าง

I, You, He, She, It, We, They
will
go
  • will อ่านว่า วิล  แปลว่า จะ

รูปย่อบอกเล่า

I will
He will
She will
It will
We will
They will
I’ll ไอล
He’ll ฮีล
She’ll ชีล
It’ll อิททึล
We’ll วีล
They’ll เดล

รูปย่อปฏิเสธ

I will not ไอ วิล น็อท
He will nott ฮี วิล น็อท
She will not ชี วิล น็อท
It will not อิท วิล น็อท
We will not วี วิล น็อท
They will not เด วิล น็อท
I won’t ไอ โวนท / I’ll not ไอล น็อท
He won’t ฮี โวนท/ He’ll not ฮีล น็อท
She won’t ชี โวนท/ She’ll not ชีล น็อท
It won’t อิท โวนท/ It’ll not อิททึล น็อท
We won’t วี โวนท/ We’ll not วีล น็อท
They won’t เด โวนท/ They’ll เดล น็อท





past perfect

หลักการใช้ Past Perfect Tense เป็นอีกหนึ่งตัวที่สร้างความปวดหัวให้กับผู้เรียน เพราะว่าเป็นอีกหนึ่ง Tense ที่มีสองเหตุการณ์มาพ่วงกัน และสองเหตุการณ์ก็ใช้ Tense ต่างกันอีกด้วย แต่ก็ไม่ยากเกินไปครับ ถ้าสร้างความเข้าใจกับมันดีๆ
Past Perfect Tense (Tense อดีตสมบูรณ์)
Past  พาสท= อดีต
Perfect  เพอเฟ็คท = สมบูรณ์
คำว่าสมบูรณ์ใน Tense นี้หมายความว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจบลงไปแล้ว หรือสิ้นสุดแล้วอย่างสิ้นเชิง ต่างกับ Present Perfect Tense ซี่งกล่าวถึงเหตุที่ดำเนินมาถึงปัจจุบันและจะดำเนินต่อไปในอนาคต (ถ้าไม่เข้าใจอ่านทวนอีกรอบ ถ้าไม่เข้าใจอีกเดี๋ยวค่อยดูตัวอย่าง และจินตนาการตามแล้วกัน)

ประโยคบอกเล่า

โครงสร้าง

I,He, She, It, A cat,
You, We, They, Cats
had
gone
*** ประธานทุกตัวใช้โครงสร้างเดียวกันเลย
อ่านเพิ่มเติม

future continuous

หลักการใช้  Future Continuous Tense (Tense อนาคตกำลังทำ)
Future  ฟิวเชอะ= อนาคต
Continuous  คอนทินิวอัส= ต่อเนื่อง
ที่บอกว่า “อนาคตกำลังทำ” หมายถึง ในช่วงเวลาหนึ่งของอนาคต จะมีเหตุการณ์หนึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ (เช่น ฉันคงกำลังทำอะไรอยู่นะ ในช่วงเวลานั้น เป็นต้น)

โครงสร้าง

I, You, He, She, It, We, They
will
be
reading

การย่อรูป

การย่อรูป ใช้หลักเดียวกันกับ Future Simple Tense ครับ
อ่านเพิ่มเติม

past perfect continuous

หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense คล้ายกับ  สอง Tense ที่ผ่านมา คือมีเหตุการณ์เกิดขึ้น 2 เหตุการณ์
Past Perfect Continuous Tense (Tense อดีตสมบูรณ์กำลังทำ)
Past  พาสท= อดีต
Perfect  เพอเฟ็คท = สมบูรณ์
Continuous คอนทินิวอัส = ต่อเนื่อง
Past Perfect Continuous Tense หมายถึง เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้วมาระยะเวลาหนึ่ง และจะดำเนินต่อเนื่องไปอีก

โครงสร้าง

I,He, She, It, A cat,
You, We, They, Cats
had
been
waiting

หลักการใช้

ใช้บอกเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วมีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรกกลางคัน
หมายความว่ามันมีสองเหตุการณ์ (สอง Tense ) และต้องใช้ตามนี้ คือ
อ่านเพิ่มเติม

present continuous

Present Continuous Tense (Tense ปัจจุบันกำลังทำ)
Present  เพร๊เซินท= ปัจจุบัน
Continuous คอนทินิวอัส = ต่อเนื่อง
Present Continuous Tense มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ Present Progressive Tense

โครงสร้าง

I
am
eating
He, She, It, A cat
is
eating
You, We, They, Cats
are
eating

หลักการใช้

1. ใช้กล่าวเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะที่พูดอยู่ หรือในระหว่างอาทิตย์นั้น เดือนนั้นก็ได้ ซึ่งอาจจะมีคำเหล่านี้อยู่ด้วยก็ได้
now / right now  ตอนนี้
at the moment  ตอนนี้

the passive

  • ประโยคแรกประธานเป็นผู้กระทำ นั่นคือ แม่(ประธาน) ตี(กริยา) ฉัน(กรรม) หรือที่เรียกว่า Active voice
  • ส่วนประโยคที่สองประธานเป็นผู้ถูกกระทำ นั่นคือ ฉัน(ประธาน) ถูก แม่(กรรม) ตี(กริยา) หรือที่เรียกว่า Passive voice
พอเกริ่นมาถึงตรงนี้แล้วผมว่าหลายๆคนคงสนใจประโยคที่ให้ความรู้สึกที่คมชัดมากกว่า ดังนั้นผมขอพูดถึงเรื่อง Passive voice แล้วกันครับ
ประโยค Passive voice คือประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ หรือประโยคที่อยู่ในรูป Subject + Verb to be + Verb 3 (Past Participle) ซึ่งส่วนมากจะถูกเปลี่ยนจากประโยค Active voice (ประโยคที่อยู่ในรูป Subject + Verb1) แต่ก็ไม่ใช่แค่เอามาสลับที่กันเฉยๆนะครับ ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีเงื่อนไขเสมอ
อ่านเพิ่มเติม    https://www.dailyenglish.in.th/passive-voice/
passivevoice

future with will or be going to

การใช้ be going to และ will

เวลาเราจะบอกอะไรเกี่ยวกับอนาคต ในภาษาอังกฤษนั้นพูดได้หลายแบบ แต่วันนี้เรา
จะมาเรียนรู้การใช้ be going to และ will กัน
be going to และ will มีความหมายเดียวกันเมื่อใช้คาดการณ์เกี่ยวกับอนาคต เช่น
John is going to leave at 6 tomorrow morning. = จอห์นจะออกเดินทางตอน 6 โมงเช้า
(be เป็นความรู้พื้นฐาน ซึ่งก็คือ is, am, are, was, were นั่นเอง อันนี้ไม่รู้ไม่ได้นะจ๊ะ)
John will leave at 6 tomorrow morning. = จอห์นจะออกเดินทางตอน 6 โมงเช้า
ในบางกรณี be going to และ will ก็ใช้ต่างกันโดย
 be going to จะ ช่วยสื่อให้เห็นว่าผู้พูดกำลังบอกแผนการที่วางไว้ล่วงหน้า
​I bought some wood because I am going to build a bookcase. = ฉันซื้อไม้เพราะฉันวางแผนว่า
จะสร้างชั้นวางหนังสือ
I’m going to Egypt next year. = ฉันวางแผนไว้ว่าจะไปอียิปต์ในปีหน้า
will จะใช้กับการอาสาหรือการพูดถึงด้วยความสมัครใจ ยินดีช่วยเหลือ
 (รวมถึงการตัดสินใจทันที การทำนาย คำมั่นสัญญา อย่างที่เราเคยเรียนกันไปแล้วก่อนหน้า) เช่น
This bookcase is heavy. I will help you. = ชั้นหนังสือนี่หนักมาก ฉันจะช่วยคุณ(ยก)
This homework is difficult. I will teach you. = การบ้านนี่ยากนะ เดี๋ยวฉันจะช่วยสอนให้
ปกติประโยคที่ใช้พูดถึงอนาคตเรามักจะใช้ will กันจนชินแต่ถ้าอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญทาง
ด้านภาษาอังกฤษขึ้นมาอีกนิดก็ลองใช้ be going to กันดูนะ อ่านเพิ่มเติม
https://thai.engoo.com/blog/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-be-going-to-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-will

simple past versus present perfect

Past Simple Tense

เรามาเริ่มกันที่ Past Simple Tense ก่อนดีกว่าครับ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมาตามชื่อ Tense เลยครับนั่นคือ เป็นการพูดถึงอดีตแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ส่วนมากจะใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีตแล้ว โดยมีรูปประโยคคือ
Subject + Verb 2 
ใช้พูดถึงเรื่องราวในอดีต เช่น
  • saw a movie last night.
    ฉันดูภาพยนตร์เมื่อคืนนี้ (ตอนนี้ไม่ได้ดูแล้ว)
  • didn’t wash my car.
    ฉันไม่ได้ล้างรถของฉัน (ตอนที่พูดรถอาจจะล้างไปแล้วก็ได้)
  • We talked on the phone for thirty minutes.
    เราคุยโทรศัพท์กันนานสามสิบนาที (ตอนนี้ไม่ได้คุยแล้ว)
  • He played football yesterday.
    เขาเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ (วันนี้ไม่ได้เล่นแล้ว)
  • We were tired after the trip.
    พวกเราเหนื่อยหลังจากกลับจากทริป (ตอนนี้ไม่เหนื่อยแล้ว)
  • Last year I went to England on holiday.
    ปีที่แล้ว ฉันไปเที่ยวประเทศอังกฤษมาใน (ตอนที่พูดไม่ได้อยู่ที่ประเทศอังกฤษ)

simple present

Present Simple Tense (Tense ปัจจุบันธรรมดา)
Present  เพร๊เซินท= ปัจจุบัน
Simple ซิ๊มเพิล = ธรรมดา

โครงสร้าง

S + V1 (ประธานเอกพจน์ กริยาเติม s,es)
ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s หรือ es แล้วแต่กรณี)
S + กริยาช่วย + V1
ประธาน + กริยาช่วย + กริยาช่องที่ 1 (ไม่ต้องเติม s ทุกกรณี)
กริยาช่วยที่ใช้บ่อยคือ can, should, must
Tense นี้ค่อนข้างจะยุ่งยากนิดหน่อยตรงที่ประธานเอกพจน์ต้องเติม s ส่วนประธานพหูพจน์ไม่ต้องเติม สิ่งที่จะสร้างความยุ่งยากนิดหนึ่งคือการเติม s เพราะกริยาบางตัวต้องเติม es ไม่ใช่แค่ s เฉยๆ แต่ไม่ใช่เรื่องยากถ้าได้ศึกษาการเติม s ที่้ท้ายคำนามเพื่อให้นามนั้นเป็นพหูพจน์

หลักการใช้

ในหนังสืออาจจะบอกไว้หลายข้อ แต่ให้ผู้เรียนจำไว้แค่ 2 ข้อ คือ จริงและวัตร อ่านเพิ่มเติม

idiom

ก่อนอื่นมาดูก่อนว่า Idiom คืออะไร แล้วทำไมเราถึงจะต้องเรียนรู้มันด้วย เอาละ Idiom คือ สำนวน ซึ่งหมายถึง คำหรือศัพท์ที่ไม่ได้มีความหมายตรงตั...